วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

บางครั้ง

... บางครั้ง "ความรัก"ก็เดินเข้ามาหาเรา เพื่อให้เราเรียนรู้ มิใช่เพื่อให้เราครอบครอง
... ไม่ผิด หากจะรักคนมีเจ้าของ แต่จะผิด หากเข้าไปทำหน้าที่ซ้ำซ้อนกับคนอีกคน
... หน้าที่ของ "ความรัก" คือการเดินไปรับ และยืนเฉยๆ เพื่อรับมัน ไม่ใช่ดิ้นรนเพื่อให้ได้มา
... ในห้วงรัก การถูกรัก มันสุขใจ การมอบความรัก มันอิ่มเอม และเมื่อได้รับการปฏิเสธ มันทรมาณ
... "ความรัก" จะเกิดขึ้น เมื่อเกิดการถ่ายเทพลังงานอันอ่อนโยนของคนสองคน
... คนบางคน เหมาะที่จะเกิดมาเพื่อให้เรารัก แต่ไม่เหมาะที่จะร่วมชีวิตด้วย
... "ความรัก"ระยะแรกทำให้ร่างกายหลั่งสารกระตือรือร้น ทำให้มนุษย์ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่ง"ความรัก"
... แฟน ก็คือ เพื่อนคู่คิด ที่จะก้าวไปด้วยกันในวันข้างหน้า
... ในวันที่ "ความรัก"คงที่ สารกระชุ่มกระชวยงดทำงาน สิ่งเดียวที่จะทำให้อยู่ด้วยกันได้ตลอดไป คือ "ความเข้าใจ" ล้วนๆ
... ความห่างไกล มันทรมาน เวลาเจอกันจึงหอมหวาน และเป็นความทรงจำที่เก็บไปนั่งเพ้อฝันได้ในวันจาก
... บุคคลไม่พึงประสงค์สำหรับทุกคู่รัก มันจะเดินทางเข้ามาโดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
... ผู้ชาย แสดง "ความรัก" ด้วยการกระทำ ขณะที่ผู้หญิง อยากรู้ว่า "รัก" จากคำพูด


วันอังคารที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

บทความความรักเพราะๆ… คำว่า “รัก”


คำว่า “รัก” มีอะไรมากมายซุกซ่อนอยู่ในนั้น อาจจะหวานชื่น ขมขื่น หรืออะไรอื่นอีกหลากหลาย ที่จะทำให้คนรู้จัก “รัก” ได้สัมผัสและรู้สึกถึง…
ความรักเริ่มจากความคิด เพราะความคิดเป็นจุดเริ่มต้นของความรัก บางที.. ความรักอาจทำให้คนเราเปลี่ยนแปลงความคิดไปจากเดิม อาจทำให้คนเราต้องปรับปรุงในสิ่งที่เคยทำ เพียงเพื่อให้เข้ากับใครอีกคน
ความรักทำให้เกิดความเคารพ ศรัทธา คุณจะไม่สามารถรักใครได้ ถ้าไม่รู้สึกเชื่อมั่นเสียก่อน และคนแรกที่คุณต้องศรัทธาเชื่อมั่น ก็คือตัวเอง
ความรักคือการให้ ถ้าคุณต้องการที่จะได้ความรัก สิ่งที่คุณต้องทำก็คือการให้ ยิ่งให้.. คุณก็จะยิ่งได้รับ สูตรลับของความสุข และทำให้มิตรภาพยืนยาวที่คุณควรจะจำเอาไว้เสมอก็คือ อย่าถามว่าคนอื่นให้อะไรคุณบ้าง แต่ให้ถามว่าคุณทำอะไรให้คนอื่นบ้างจะดีกว่า
ในความรักมีมิตรภาพซ่อนอยู่ อยากได้รักแท้ ก็ต้องหาเพื่อนแท้ให้ได้เสียก่อน การจะรักกันได้ไม่ใช่แค่มองตาแต่อยู่ที่ว่า.. ต่างคนต่างมีอะไรที่ตรงกันหรือเปล่า หากจะรักใครอย่างจริงใจ คุณควรจะรักในสิ่งที่เขาเป็น ไม่ใช่แค่ภาพที่คุณเห็น มิตรภาพก็เหมือนกับปุ๋ยที่ช่วยทำให้ความรักเบ่งบานเติบโตทุกๆ วันนั่นเอง
การสัมผัส ช่วยสานต่อความรักให้ดีขึ้น เคยรู้สึกดีใช่มั้ยเวลาที่มีใครโอบไหล่หรือกอดคุณ? การสัมผัส.. จึงเป็นการแสดงออกอย่างหนึ่งที่มีพลัง และช่วยทลายกำแพงแห่งความชิงชังไม่เข้าใจได้อีกด้วย น่าแปลกที่การสัมผัสสามารถเปลี่ยนแปลงอารมณ์ และท่าทีที่แข็งกร้าวให้เบาบางลงได้
อยากรักต้องรู้จักปลดปล่อย ถ้าคุณรักใคร.. จงปล่อยให้เขาเป็นอิสระบ้าง เพราะคุณเองคงรู้สึกอึดอัด ถ้ามีใครมาล่ามโซ่คุณ ดังนั้น.. จงเรียนรู้ที่จะให้อภัยและลืมอดีตที่ไม่ดี เรียนรู้ที่จะปลดปล่อยความกลัวภายในใจ เรียนรู้ที่จะยุติธรรม และลดทิฐิ รวมถึงเงื่อนไขต่างๆ ลงบ้าง ลองบอกตัวเองว่า.. นับแต่นี้ คุณจะทิ้งความกลัวทั้งหมด
แล้วอดีตจะไม่มีผลอะไรต่อตัวคุณได้.. นับจากวันนี้ไป คุณก็จะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่เสียที
ชีวิตจะเปลี่ยนไป เมื่อเราเรียนรู้ที่จะเปิดใจให้กว้างและซื่อสัตย์ต่อกัน รวมถึง.. คุยกับคนรักอย่างเปิดเผย และกล้าที่จะพูดถ้อยคำวิเศษว่า “ฉันรักเธอ” โดยไม่ปล่อยให้โอกาสดีๆ หลุดลอยไป คุณควรจะบอกรักก่อนจากกันทุกครั้งเสมอ เพราะบางที.. นั่นอาจเป็นครั้งสุดท้ายที่คุณจะพบกัน!
แก่นแท้ของความรัก คือการไว้ใจกัน ถ้าคุณไม่เชื่อใจกัน ใครคนหนึ่งจะรู้สึกระแวง กังวล และหวาดหวั่น ขณะที่อีกคนรู้สึกอึดอัดใจ ที่สำคัญ.. คุณไม่อาจรักใครจริงๆ ได้ ถ้าคุณไม่ไว้ใจเขาคนนั้นอย่างแท้จริง 

ที่มา   http://variety.teenee.com/foodforbrain/42818.html

นักบุญวาเลนไทน์


ประวัติวันวาเลนไทน์


วันวาเลนไทน์ คือ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ของทุกปี  วันวาเลนไทน์นั้นมีมาตั้งแต่สมัยจักรวรรดิโรมัน ในกรุงโรมสมัยก่อนนั้น วันที่ 14 กุมภาพันธ์ จะเป็นวันเฉลิมฉลองของจูโน่ซึ่งเป็นราชินีแห่งเหล่าเทพและเทพธิดาของโรมัน ชาวโรมันรู้จักเธอในนามของเทพธิดาแห่ง อิสตรีและการแต่งงาน และในวันถัดมาคือวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ก็จะเป็นวันเริ่มต้นงานเลี้ยงของ Lupercalia การดำเนินชีวิตของเด็กหนุ่มและเด็กสาว ในสมัยนั้นจะถูกแยกจากกันอย่างเด็ดขาด แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีประเพณีอย่างนึง ซึ่งเด็กหนุ่มสาวยังสืบทอดต่อกันมา คือ คืนก่อนวันเฉลิมฉลอง Lupercalia นั้นชื่อของเด็กสาวทุกคนจะถูกเขียนลงในเศษกระดาษเล็ก ๆ และจะใส่เอาไว้ในเหยือก เด็กหนุ่มแต่ละคนจะดึงชื่อของเด็กสาวออกจากเหยือก แล้วหลังจากนั้นก็จะจับคู่กันในงานเฉลิมฉลอง บางครั้งการจับคู่นี้ ท้ายที่สุดก็จะจบลงด้วยการที่เด็กหนุ่มและเด็กสาวทั้งสองนั้นได้ตกหลุมรักกัน และแต่งงานกันในที่สุด


ต่อมา ภายใต้การปกครองของจักรพรรดิคลอดิอุสที่สอง ( Claudius II) นั้น กรุงโรมได้เกิดสงครามหลาย ครั้ง และคลอดิอุสเอง ก็ประสบกับปัญหาในการที่จะหาทหารจำนวนมากมายมหาศาลมาเข้าร่วมในศึกสงคราม และเขาเชื่อว่าเหตุผลสำคัญก็คือ ผู้ชายโรมันหลายคนไม่ต้องการ จากครอบครัวและคนอันเป็นที่รักไป และด้วยเหตุผลนี้เอง ทำให้จักรพรรดิคลอดิอุสประกาศให้ยกเลิกงานแต่งงานและงานหมั้นทั้งหมดในกรุงโรม ถึงกระนั้นก็ตาม ยังมีนักบุญผู้ใจดีคนหนึ่งซึ่งชื่อว่า ท่านนักบุญวาเลนไทน์ ท่านเป็นพระที่กรุงโรมในสมัยของจักรพรรดิคลอดิอุสที่สอง ท่านนักบุญวาเลนไทน์ และนักบุญมาริอุส ได้จัดตั้งกลุ่มองค์กรเล็ก ๆ เพื่อช่วยเหลือชาวคริสเตียนที่ตกทุกข์ได้ยากเหล่านี้ และได้จัดให้มีการแต่งงานของคู่รักอย่างลับ ๆ ด้วย และจากการกระทำเหล่านี้เอง ทำให้นักบุญวาเลนไทน์ถูกจับและถูกตัดสินประหารโดยการตัดศรีษะ ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ประมาณปีคริสต์ศักราชที่ 270 ซึ่งถือเป็นวันที่ท่านได้ทนทุกข์ทรมานและเสียสละเพื่อเพื่อนมนุษย์

ประวัติท่านนักบุญวาเลนไทน์

เซนต์วาเลนไทน์หรือนักบุญวาเลนไทน์นั้นเป็นพระที่อยู่ ในกรุงโรมระหว่างศตวรรษที่ 3 ในเวลานั้นกรุงโรมถูกปกครองโดยจักรพรรดิที่ชื่อว่า " คลอดิอุส" ซึ่งมีนิสัยชอบข่มเหงผู้อื่น ทำให้ไม่เป็นที่รักของประชาชน เท่าใดนัก

จักรพรรดิคลอดิอุสต้องการสร้างกองทัพอันยิ่งใหญ่และหวังให้ชายชาวโรมันทั้งหลายอาสาสมัครเข้ามาเป็นทหารในการสงคราม แต่ก็ไม่มีชายคนใด จะกระทำตามนั้น จักรพรรดิคลอดิอุสจึงออกกฏหมายห้ามให้มีการแต่งงานหรืองานหมั้นใด ๆ เกิดขึ้น ทำให้ประชาชนไม่พอใจรวมทั้งนักบุญวาเลนไทน์เองด้วย

ในเวลาต่อมานักบุญวาเลนไทน์ได้จัดการแต่งงานให้กับคู่หญิงสาวหลายคู่ขึ้นอย่างลับ ๆ ถึงแม้ว่าจะมีการประกาศการใช้กฏหมายห้ามแต่งงานแล้วก็ตาม นักบุญวาเลนไทน์ยังคงรักที่จะทำพิธีเหล่านี้ โดยภายในงานนั้นจะมีเพียงเจ้าบ่าว เจ้าสาว และท่านนักบุญเท่านั้น พวกเขาจะกระซิบคำสาบานและคำอธิษฐานต่อกัน ในขณะเดียวกันก็ต้องคอยเงี่ยหูฟังเสียงการเดินตรวจตราของเหล่าทหารด้วย แต่แล้วคืนหนึ่ง ในขณะที่กำลังทำพิธีแต่งงานอย่างลับ ๆ อยู่นั้นเอง ท่านนักบุญวาเลนไทน์เกิดได้ยินเสียงผีเท้าของทหาร แต่โชคดีที่คู่บ่าวสาวนั้นหนีออกไปจากโบสถ์ได้ทัน ในที่สุดนักบุญวาเลนไทน์จึงถูกจับขังคุกและถูกทรมาน อย่างแสนสาหัส ท่านพยายามให้กำลังใจตัวเองทุก ๆ วัน และแล้ววันหนึ่งสิ่งวิเศษก็เกิดขึ้น เด็กหนุ่มสาวหลายคนมาที่คุกเพื่อจะมาเยี่ยมท่านนักบุญ พวกเขาโยนดอกไม้และกระดาษซึ่งเขียนข้อความต่าง ๆ เข้าไปทางช่องหน้าต่างของคุก พวกเขาต้องการให้นักบุญวาเลนไทน์รู้ว่า พวกเขาเองก็มีความเชื่อและศรัทธา ในความรักด้วยเช่นกัน หนึ่งในเด็กสาวเหล่านั้น เป็นลูกสาวของผู้คุม ซึ่งพ่อของเธอได้อนุญาติให้เธอเข้าไปเยี่ยมนักบุญ วาเลนไทน์ได้ในคุก บางครั้งพวกเขาจะนั่งคุยกัน นานนับชั่วโมง หล่อนช่วยให้กำลังใจท่านนักบุญ และเห็นด้วยกับการที่ท่านปฏิเสธกฏหมายห้ามการแต่งงานนั้น อีกทั้งยังสนับสนุนการแต่งงานอย่างลับ ๆ ของท่านนักบุญอีกด้วย


ในวันที่นักบุญวาเลนไทน์เสียชีวิตนั้น ท่านได้เขียนจดหมายไว้ฉบับนึงเพื่อเป็นการขอบคุณในมิตรภาพและความจงรักภักดีของหญิงสาวผู้นั้น แล้วท่านนักบุญก็ลงท้ายจดหมายฉบับนั้นว่า " Love from your Valentine. "

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จึงมีประเพณีการแลกเปลี่ยนจดหมายรักซึ่งกันและกัน ในวันวาเลนไทน์ โดยจะเขียนขึ้นในวันที่นักบุญวาเลนไทน์เสียชีวิต คือวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ปีคริสตศักราช 270 และปฏิบัติสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบันนี้ เพื่อเป็นการรำลึกถึงท่านนักบุญวาเลนไทน์ 
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดของวันนี้คือ การมอบความรักและมิตรภาพให้แก่กันและกัน

และทุก ๆ ครั้งที่ผู้คนต่างนึกถึง จักรพรรดิคลอดิอุส เขาก็จะจำได้ถึงวิธีการที่คลอดิอุสพยายามจะมาแทนที่หนทางของความรัก แล้วก็จะพากันหัวเราะ เพราะว่าพวกเขาต่างรู้ดีว่าความรักนั้น ไม่สามารถหาสิ่งใดมาทดแทนหรือแทนที่ได้เลย ธรรมเนียมที่ถือปฏิบัติกันในวันวาเลนไทน์ - หลายร้อยปีก่อนในประเทศอังกฤษ เด็ก ๆ จะแต่งตัวลอกเลียนแบบผู้ใหญ่ ในวันวาเลนไทน์ แล้วร้องเพลงจากบ้านหลังหนึ่งไปยังบ้านอีกหลังหนึ่ง ในเนื้อเพลงท่อนหนึ่งจะกล่าวว่า 
" Good morning to you, Valentine ; Curl your locks as I do mine --- Two before and three behind. Good morning to you, Valentine."


ในประเทศเวลส์ ผู้ที่มีความรักและชื่นชมในงานช้อนไม้แกะสลัก จะทำการแกะสลักช้อนและมอบให้เป็นของขวัญในวันวาเลนไทน์ โดยจะสลักรูปหัวใจ และลูกกุญแจไว้บนช้อนนั้น ซึ่งมีความหมายว่า " คุณได้ไขหัวใจของฉัน" (You unlock my heart). - เด็กหนุ่มสาวจะทำการเขียนชื่อคนที่ตัวเองชอบแล้วหย่อนไว้ในอ่างหรือชาม แล้วหยิบขึ้นมาหนึ่งชื่อเพื่อดูว่าใคร จะเป็นคู่ของตัวเองในวันวาเลนไทน์ หลังจากนั้นก็จะเอาชื่อที่หยิบได้นี้มาติดไว้ที่แขนเสื้อเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ การทำเช่นนี้มีความหมายว่า คน ๆนั้น ต้องการบอกคนทั่วไปรู้ได้ง่าย ๆ ว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร


ในบางประเทศ ผู้หญิงจะได้รับของขวัญเป็นเครื่องแต่งกายจากผู้ชาย แล้วถ้าผู้หญิงคนนั้นเก็บของขวัญชิ้นนี้เอาไว้ นั่นหมายถึงหล่อนจะแต่งงานกับเขา - บางคนมีความเชื่อว่า ถ้าผู้หญิงคนใดเห็นนกโรบินบินผ่านเหนือศรีษะตนเองในวันวาเลนไทน์ นั่นหมายถึงหล่อนจะได้แต่งงานกับกะลาสีเรือ หรือถ้าผู้หญิงคนใดเห็นนกกระจอก หล่อนก็จะได้แต่งงานกับชายยากจนและจะมีความสุข และถ้าผู้หญิงคนไหนเห็นนก Goldfinch หมายถึงหล่อนจะได้แต่งงานกับมหาเศรษฐี  และในบางประเทศจะมีการทำเก้าอี้แห่งรักขึ้นมา ซึ่งจะเป็นเก้าอี้ที่มีขนาดกว้าง ในครั้งแรกที่มีการทำเก้าอี้นี้ขึ้นมาก็เพื่อจะให้ผู้หญิงที่แต่งตัวในชุดราตรีนั่ง ต่อมาเก้าอี้แห่งรักนี้ได้ทำขึ้นเป็นสองส่วนและมักจะทำเป็นรูปตัวเอส (S) ซึ่งการทำเก้าอี้ทรงนี้จะทำให้คู่รักสามารถนั่งด้วยกันได้ แต่จะไม่ใกล้ชิดกันจนเกินไป


บางธรรมเนียมในบางแห่งของโลก เด็กหนุ่มสาวจะนึกถึงชื่อของคนที่ตัวเองอยากจะแต่งงานด้วยประมาณห้าถึงหกชื่อ ในขณะที่ปอกเปลือกผลแอปเปิ้ลนั้นให้เป็นขดนั้น ก็ให้เอ่ยชื่อของคนที่นึกถึงออกมาจนกว่าจะปอกเปลือกแอปเปิ้ลได้หมดผล และเชื่อกันว่า คนที่จะได้แต่งงานด้วยนั้นคือคนที่เอ่ยชื่อถึงในขณะที่ปอกเปลือกของแอปเปิ้ลได้หมดพอดีและในบางประเทศมีความเชื่อว่า ถ้าหากผ่าผลแอปเปิ้ลออกมาเป็นสองซีก แล้วให้นับเมล็ดข้างในดู แล้วก็จะสามารถรู้จำนวนบุตรในอนาคตได้



ที่มา http://variety.teenee.com/foodforbrain/42816.html

วันวาเลนไทน์

แม้จะเป็นวัฒนธรรมของต่างชาติ แต่คนไทยก็ให้ความสำคัญกับวันวาเลนไทน์ หรือวันแห่งความรักไม่น้อย สังเกตได้จากยอดจำหน่ายกุหลาบและของขวัญที่เพิ่มขึ้นมากในช่วงนี้

ขณะที่หนุ่มสาวอีกหลายคู่ก็ตกลงใจใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน โดยเลือกจัดงานแต่งงาน หรือจดทะเบียนสมรสกันในวันนี้

"วันวาเลนไทน์" มีมาตั้งแต่สมัยจักรวรรดิโรมัน ในอดีตนั้น วันที่ 14 กุมภาพันธ์ จะเป็นวันเฉลิมฉลองของ "จูโน" เทพธิดาแห่งอิสตรีและการแต่งงาน และวันถัดมา คือวันที่ 15 กุมภาพันธ์ จะเป็นวันเริ่มต้นงานเลี้ยงของ Lupercalia ซึ่งชื่อของเด็กสาวทุกคนจะถูกเขียนลงในเศษกระดาษเล็กๆ แล้วนำไปใส่เหยือก เด็กหนุ่มแต่ละคนจะดึงชื่อของเด็กสาวออกมา จากนั้นจะจับคู่กันในงานเฉลิมฉลอง

บางครั้งการจับคู่นี้จบลงด้วยการที่เด็กหนุ่มและเด็กสาวตกหลุมรักและแต่งงานกัน
ในสมัยจักรพรรดิคลอดิอัสที่ 2 แห่งกรุงโรม พระองค์ทรงนิยมการทำสงคราม และตระหนักว่าเหตุที่ชายหนุ่มส่วนมากไม่ประสงค์จะเข้าร่วมในกองทัพ เนื่องจากไม่อยากจากคู่รักและครอบครัวไป จึงมีพระราชโองการสั่งห้ามมิให้จัดพิธีหมั้นและแต่งงานกันโดยเด็ดขาด ทำให้ประชาชนทุกข์ใจเป็นอย่างยิ่ง

ขณะนั้น มีนักบุญนามว่า "เซนต์วาเลนไทน์" หรือ "วาเลนตินัส" ร่วมมือกับเซนต์มาริอัสจัดพิธีแต่งงานให้ชาวคริสต์หลายคู่จึงถูกจับกุม และถูกตัดสินประหารชีวิตในวันที่ 14 กุมภาพันธ์

เชื่อกันว่าวาเลนไทน์ตกหลุมรักลูกสาวของผู้คุม นามว่า "จูเลีย" โดยคืนก่อนที่วาเลนไทน์จะถูกตัดศีรษะ เขาได้ส่งจดหมายฉบับสุดท้ายถึงจูเลีย ลงท้ายว่า "From Your Valentine"

แม้เบื้องหลังวันวาเลนไทน์จะเป็นตำนานที่มืดมัว แต่ก็ยังแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกสงสาร ความกล้าหาญ และเป็นเครื่องหมายของความ โรแมนติก ต่อมาพระในนิกายโรมันคาทอลิกจึงเลือกให้ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันเฉลิมฉลอง "เทศกาลแห่งความรัก"

ส่วน "คิวปิด" ซึ่งเป็นเด็กน่ารัก มีปีก ถือคันธนูและลูกศรนั้น ชาวกรีกโบราณเชื่อว่า เป็นเทพองค์หนึ่งชื่อ "เอโรส" ลูกชายของแอฟโพไดท์ เทพธิดาแห่งความรักและความสวยงาม แต่ชาวโรมันเรียกว่าคิวปิด เป็นบุตรชายของเทพวีนัส มีชื่อเสียงในเรื่องการยิงศรรักปักหัวใจของใครต่อใคร ศรรักของคิวปิด หมายถึงความปรารถนาและอารมณ์แห่งความรัก

ในวันวาเลนไทน์นี้ หนุ่มสาวยังนิยมมอบดอกไม้ให้แก่กัน ที่นิยมมากคือ "ดอกกุหลาบ" ซึ่งแต่ละสีจะสื่อความหมายแตกต่างกัน อาทิ "กุหลาบแดง" หมายถึงความรักอันลึกซึ้ง จริงจัง "กุหลาบขาว" หมายถึงความรักอันบริสุทธิ์ ไม่ต้องการสิ่งตอบแทน "กุหลาบเหลือง" หมายถึงความรักแบบเพื่อน และความสนุกสนานรื่นเริง บางครั้งนำมาเยี่ยมผู้ป่วย เพื่อทำให้รู้สึกสดชื่นรื่นเริง

นอกจากนี้ ยังมีดอกไม้อื่นๆ อีก อาทิ ดอกทิวลิปสีแดง ใช้แทนการประกาศความรักอย่างเปิดเผย ดอกลิลลี่สีขาว แสดงถึงความรักแบบอ่อนหวานจริงใจ และเทิดทูน เป็นต้น



ที่มา หนังสือพิมพ์ข่าวสด

3 คน รักหมดใจ วาเลนไทน์นี้


วาเลนไทน์ใกล้เข้ามาทุกที....คุณกำลังคิดถึงใคร ถ้าพูดคำว่า "รัก" คุณคิดว่า คุณ "รัก" ใคร วาเลนไทน์นี้พิเศษหน่อย เพราะสิ่งที่คุณอ่านอยู่ อาจทำให้คุณคิดอะไรได้มากกว่าคำว่า "รัก" และอาจเปลี่ยนคุณให้เป็นคนใหม่ได้ขึ้นมา


คนแรกที่คุณนึกถึง คือใคร ไม่สำคัญ แต่หลังจากคุณอ่านบทความนี้จบ ให้คิดใหม่อีกครั้ง


คนแรก....คนในครอบครัว... 
เราไม่อยากจะจำกัดความเพียง "แม่" แต่ครอบครัวคือส่วนสำคัญส่วนหนึ่งในชีวิตของคุณ ไม่ว่าที่ผ่านๆมาคุณจะรู้สึกอย่างไรกับคนในครอบครัวของคุณ ต่อไปนี้ขอให้คุณคิดว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น คนในครอบครัวจะรักและห่วงใยคุณเสมอ คนในครอบครัวจะรักเราโดยไม่มีเงือนไข่ อาจจะมีเงื่อนไขเดียวคือ "ให้เราดูแลตัวเองให้ได้" สิ่งที่คุณจะตอบแทนครอบครัวได้ เริ่มจากวาเลนไทน์นี้ โดยการมอบสิ่งดีๆให้กับคนในครอบครัว ไม่ว่าจะด้วยคำพูด การกระทำ หรือการให้สิ่งของที่สื่อความหมายของคำว่า "รัก"


คนที่สอง....ตัวคุณเอง... 
มีคนกล่าวว่า หากคุณไม่รู้จักรักตัวเอง...คุณก็ไม่สามารถรักคนอื่นได้อย่างที่ควรเป็น การที่คุณรู้จักรักตัวเอง ทำให้คุณรู้จักตัวเอง เข้าใจตัวเอง และจะทำให้คุณมีความสุขกับสิ่งที่คุณทำในที่สุด หากตอนนี้คุณคิดว่า คุณรักบุคคลอื่นๆที่นอกเหนือจากคนในครอบครัว มากกว่าตัวคุณเอง จงคิดใหม่ รักตัวเองให้มากกว่าคนอื่นโดยไม่เป็นการเห็นแก่ตัว การรักตัวเอง คือทำสิ่งดีๆให้ตัวเอง ชื่นชมตัวเอง อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง


คนสุดท้าย...ผู้มีพระคุณ....
อาจจะไม่ใช่คนในครอบครัว แต่บุคคลใดก็ตามทำให้คุณเป็นคุณมาจนทุกวันนี้ ขอจงระลึกไว้ว่า คุณได้รับสิ่งดีๆเหล่านี้มาเพื่อทำสิ่งดีๆต่อไป อาจจะเป็นครูบาอาจารย์ อาจจะเป็นเพื่อน ใครก็ตามที่ทำให้คุณรู้สึกมีความสุข ใครก็ตามที่คุณสามารถปรับทุกข์ได้ คุณควรตอบแทนเขาเหล่านั้น ไม่ใช่การทดแทนบุญคุณ แต่เป็นการแสดงน้ำใจของคุณเองที่มีต่อผู้อื่น และจะทำให้คุณเป็นสุขได้ยิ่งขึ้น


ไม่ต้องสงสัยว่า...ทำไมเราไม่พูดถึง "คนรัก หรือ แฟน" เพราะคนๆนี้อาจจะสุขกับเรา แต่จะทุกข์กับเราหรือไม่นั้น เราไม่สามารถคาดเดาได้ และเขาจะทุกข์กับเราไปได้นานแค่ไหน ถ้าเขาอยู่กับเราแม้ยามเราทุกข์หรือไม่เป็นตัวของตัวเอง เขาก็จะอยู่ในข้อ "ผู้มีพระคุณ" 


วันวาเลนไทน์แม้จะไม่ใช่วันสำคัญของคนไทยหรือชาวพุทธ หากเรานำมาปรับใช้ เราจะได้สิ่งที่เราคิดว่า เราได้ประโยชน์จากวันนี้ และเมื่อคุณอ่านมาถึงตรงนี้ คนแรกที่คุณคิดถึงคือใคร?

ที่มา http://variety.teenee.com/foodforbrain/42844.html

วันศุกร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2555

18 นิยามรัก แง่คิดดี ๆ ....ในชีวิตใครสักคน

          "ก็ความรัก มันเป็นข้อความลึก ๆ ของใจ
           จะถามว่าหน้าตาเป็นแบบไหน
           ฉันคิดว่าคงหน้าตาเหมือนเธอ

           ก็ความรัก เป็นสิ่งที่ทำให้ฉันยิ้มได้
           ช่วยฉันให้มีความสุขไม่ว่าอยู่ไหน
           เธอรู้ไหม ทุกครั้งที่ใกล้เธอเป็นแบบนี้"

 1. การมอบความรักแล้วไม่ได้รับรักตอบ เป็นทุกข์
           แต่สิ่งที่ทุกข์ยิ่งกว่า คือการรักใครสักคน แต่ไม่มีความกล้าพอที่จะบอกให้คนนั้นรู้ และต้องมาเสียใจภายหลัง
  2. ความรัก คือความรู้สึกที่คุณยังห่วงใยใครสักคนอยู่  
           แม้จะแยกความรู้สึกลุ่มหลง และความสัมพันธ์แบบรักใคร่ทางกายออกไปแล้ว
  3. สิ่งที่น่าเศร้าในชีวิต คือการพบคนที่มีความหมายอย่างมากสำหรับเรา
           แต่มาค้นพบภายหลังว่าเราไม่ได้ถูกกำหนดมาเพื่อคู่กัน และจะต้องปล่อยให้ผ่านพ้นไป
  4. เมื่อประตูแห่งความสุขบานหนึ่งปิด
           ประตูแห่งความสุขบานอื่นก็จะเปิดออก แต่.. เราก็มักจะมองประตูที่ปิดลงไปแล้วเนิ่นนาน จนกระทั่งเรามองไม่เห็นประตูแห่งความสุขบานอื่นที่เปิดรออยู่
  5. เพื่อนที่ดีที่สุด  
           คือคนที่คุณสามารถนั่งอยู่ริมระเบียงด้วยกันได้โดยไม่ต้องพูดอะไรสักคำ แต่สามารถเดินจากไปด้วยความรู้สึกเหมือนได้คุยกันอย่างประทับใจที่สุด
 6. เป็นความจริง ที่เราไม่สามารถรู้เลยว่าเรามีอะไรอยู่ จนกว่าจะสูญเสียไป...
           แต่ก็จริงอีกเช่นกันที่เราไม่รู้ว่าเราพลาดอะไรไปบ้างจนกระทั่งผลของสิ่งนั้นมาถ ึง
 7. การมอบความรักทั้งหมดให้ใครสักคน
           ไม่ได้เป็นหลักประกันว่าเขาจะรักเราตอบ.. อย่าหวังที่จะได้รักตอบ แต่จงรอให้มันงอกงามขึ้นในหัวใจเขา แต่ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น ก็ควรพอใจว่าอย่างน้อยสิ่งเหล่านั้นก็ได้งอกงามขึ้นในใจของเราเอง
 8. สิ่งที่คุณปรารถนาจะได้ยิน 
           มักไม่ออกจากปากของคนที่คุณอยากให้พูด
 9. อย่าบอกลา ถ้าคุณยังต้องการจะพยายามต่อไป  
           อย่าท้อใจถ้าคุณยังรู้สึกว่าคุณไปไหว อย่าพูดว่าคุณไม่รักคนนั้นอีกแล้ว ถ้าคุณยังไม่สามารถ "ทำใจ"
 10. ความรักมักมาเยือนผู้ที่ยังคงหวัง ถึงแม้จะผิดพลาด  
           ความรักจะมาเยือนผู้ที่ยังคงเชื่อ ถึงแม้จะถูกทรยศหักหลัง และจะมาเยือนผู้ที่ยังคงรัก ถึงแม้จะเคยเจ็บปวดมาก่อน
 11. อย่ามองใครจากหน้าตา เพราะนั่นอาจหลอกเราได้  
           อย่ามองใครจากความร่ำรวย เพราะนั่นไม่จีรังยั่งยืน แต่.. ควรมองหาคนที่ทำให้คุณยิ้มได้ เพราะรอยยิ้มเพียงครั้งเดียว สามารถทำให้วันที่หม่นหมองกลับสดใสได้
 12. การที่เราจะประทับใจใคร..

            อาจใช้เวลาแค่เพียงนาทีเดียว การที่เราจะชอบใคร..อาจใช้เวลาเพียงแค่ชั่วโมงเดียว การที่เราจะรักใคร.. อาจใช้เวลาเพียงชั่ววัน แต่การที่จะลืมใครนั้นต้องใช้เวลาชั่วชีวิต
 13. ขอให้คุณมีความสุขมาก พอที่จะทำให้คุณเป็นคนอ่อนหวาน  
           ผ่านการทดสอบมามากพอที่จะทำให้คุณเข้มแข็ง มีความเศร้าโศกพอที่จะทำให้คุณยังคงความเป็นมนุษย์ และมีความหวังมากพอที่จะทำให้คุณเป็นสุข
 14. การเอาใจเขามาใส่ใจเรา 
           อาจทำให้คุณรู้สึกเป็นเรื่องทำให้ต้องเจ็บปวด แต่.. รู้ไว้เถอะว่าคนอื่นก็เจ็บปวดจากสิ่งเดียวกันนั้นเช่นกัน
 15. จุดเริ่มของความรัก 
           คือการปล่อยให้คนที่เรารักเป็นตัวของตัวเอง อย่าดึงเขาจากภาพความเป็นเขา มิฉะนั้น.. จะหมายความว่าเราต้องการเพียงภาพสะท้อนของตัวเราที่ปรากฏในตัวเขา
 16. คนที่มีความสุขที่สุด 
           ไม่ได้หมายความว่าเขามีสิ่งที่ดีที่สุด เพียงแต่เขาสามารถทำสิ่งที่เขามีให้ดีที่สุดได้ต่างหาก
 17. อนาคตที่สดใส มีรากฐานมาจากการลืมอดีต  
           เพราะคุณไม่สามารถดำเนินชีวิตต่อไปให้ดีได้ ถ้าไม่รู้จักปล่อยวางจากความผิดพลาดในอดีต และความปวดใจ
 18. คุณร้องไห้ตอนคุณเกิด
           ท่ามกลางรอยยิ้มของคนรอบข้าง ดังนั้น.. จงมีชีวิตอยู่เพื่อคนอื่น และในยามที่คุณตาย คุณจะเป็นคนที่ยิ้มในขณะที่คนรอบข้างร้องไห้ให้คุณ
             ขอให้สมหวังในความรัก  และจงรักตัวเองให้มากๆ นะคะ

แหล่งข้อมูล: http://share.psu.ac.th/blog/kitty-kat/4125

Diet ง่ายๆ สไตล์ญี่ปุ่น


เคยสังเกตกันไหมว่า สาวญี่ปุ่นนอกจากจะคงความโนะเนะน่ารักของวัยใสไว้ได้ จนกระทั่งเข้าวัยกลางคนแล้ว เธอยังคงทรวดทรงงดงามอ้อนแอ้นตามแบบหญิงเอเชีย ไม่อ้วนเผละไปตามวัยที่เพิ่มขึ้น หรือพกห่วงยางไว้ให้อุ่นใจยามเตร็ดเตร่แถวชายทะเลเหมือนสาวประเทศอื่นๆ พวกเธอมีเคล็ดลับอย่างไรในการรักษาทรวดทรงองค์เอวให้ อ้อนแอ้นอรชรเหมือนสาวแรกรุ่นตลอดเวลากันแน่ คำตอบง่ายๆ คือ วิธีการรับประทานอาหารของพวกเธอในแต่ละวันนั่นเอง เคล็ดลับที่จะนำเสนอนั้น นอกจากจะ ใช้ได้กับอาหารญี่ปุ่นแล้ว ยังปรับใช้ได้กับอาหารไทยอีกด้วย


เริ่มจากการเลือกถ้วยชามชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าถ้วยชามที ่เหมาะสมกับการรับประทานอาหารแต่ละมื้อ คือถ้วยชามที่มีสีออกแนวเอิร์ธโทนอย่างเช่น ขาว ดำ เทา เพราะอาหารเป็นสิ่งที่รังสรรค์ขึ้นจากธรรมชาติ ความลงตัวของศิลปะในการกินจึงเป็นเรื่องสำคัญ

นอกจากนั้น ถ้วยชามที่ใช้ควรมีขนาดเล็ก ไม่ควรใช้จานเปลใหญ่ในการตักอาหาร เพราะเป็นหลักจิตวิทยาว่า ถ้าคนเห็นอาหารเต็มชาม แม้ชามจะขนาดเล็กกว่าปกติ จะทำให้คนเราอิ่มได้เร็วขึ้น ดังนั้น ควรลดขนาดภาชนะบนโต๊ะอาหารลงเสียตั้งแต่ตอนนี้ ถ้าไม่อยากให้ฮิปโปโปเตมัสเข้าใจว่าคุณเป็นผู้ให้กำเ นิด

การใช้ตะเกียบพุ้ยข้าว จะทำให้คุณกินข้าวได้ช้าลง และปริมาณน้อยลง เนื่องจาก สมองรับรู้ความอิ่มหลังจากที่ร่างกายอิ่มไปแล้วประมา ณสิบนาที เมื่อคุณทานช้าลง ระยะเวลาสิบนาทีของการประสานงานระหว่างสมองกับร่างกา ยจึงไม่มากพอทีจะทำให้คุณ ยัดทะนานจนกระทั่งจุกนั่นเอง

การกินอาหารหลากหลายประเภทพร้อมกับข้าว จะทำให้ร่างกายใช้พลังงานในการเผาผลาญมากขึ้น เนื่องจากความหลากหลายของพลังงานจะช่วยกระตุ้นระบบกา รเผาผลาญให้ทำงานตลอดเวลา เพราะร่างกายจะคิดว่า มีอาหารชนิดใหม่เข้าสู่ร่างกาย ดังนั้นจึงควรใช้ภาชนะขนาดเล็กตักกับข้าวหลากหลายเพื่อรับประทานในหนึ่งมื้อมากกว่าตักอาหารชนิดเดียวใส่ชามอ่าง แม้จะอิ่มเหมือนกัน แต่อ้วนไม่เหมือนกันแน่นอน

กลอนรัก กลอนความรัก กลอนหวานสุดซึ้ง

                     
           ++ คนรัก ++
คนรัก....
คือคนที่เราอยากฝันถึงยามหลับตา
คือคนที่อยู่ในทุกห้วงความรู้สึก....
คือคนที่เราอยากลืมตาขึ้นมาเห็นเป็นคนแรก
คือคุณที่เราอยากจุมพิตเบา-เบาและบอกรัก
คือคนที่เราอยากนั่งดูหนังรักด้วยแล้วโอบกอดยามหนังซึ้งสุดขีด
คือคนที่เราอยากใช้ชีวิตด้วยตราบลมหายใจสุดท้ายของชีวิต
คือคนที่เราห่วงแสนห่วงและหวงแสนหวง
คือคนที่เรารับรู้ได้ถึงความอบอุ่นแห่งหัวใจแม้อยู่ห่างกันแสนไกล
คือคนที่เมื่อเลิกลากันแล้วทำให้เรารู้สึกเจ็บแทบขาดใจ
คือคนที่เราจดจำไปตลอดชีวิตถึงแม้ว่าสุดท้ายแล้วจะไม่ได้อยู่ร่วมชีวิตกัน
และคนรักของฉันนั้น..แน่นอน..คือเธอนั่นเอง...ยอดรักของฉัน.คนรักของฉัน

 
                       

++ ถึงเธอ ++
ฟ้าที่ไกลแสนไกล
ส่งผ่านความห่วงไยความคิดถึง
จากคนที่เคยรักเธอคนนึง
ยังรักและคิดถึงเธอทุกเวลา
ฝากความรู้สึกทั้งหมดที่มี
ถึงเธอคนดียามที่ไม่เห็นหน้า
ยามเมื่อต้องจากกัน...เหลือเพียงความผูกพันธ์ที่ผ่านมา
กับหยดรอยน้ำตาไหลเป็นทาง
ห่วงเธอเหลือเกินคนดี
ห่วงเธอยามไม่มีฉันเคียงข้าง
จะทุกข์จะสุขหรือไร...เมื่ออยู่ไกลคนละทาง

จะเหงาจะเหน็บหนาวบ้าง...หรืออย่างไร
ทุกครั้งที่มองดูท้องฟ้า
ฝากกับสายลมพัดพาความหวั่นไหว
โอบล้อมข้างๆเธอด้วยอุ่นไอ
บอกผ่านความห่วงยัยถึงคนดี
แค่อยากให้เธอรับรู้บ้าง
จะอยู่เคียงข้างในทุกที่
มอบความรักความผูกพันธ์...ทุกคืนวันให้ฝันดี
ความกังวลที่เธอมี....ขอฉันคนนี้รองรับแทน
   

ดูแลรักให้ยืดยาว


 ความรัก...เมื่อก่อตัวขึ้นใช่ว่าจะจบลงอย่างสวยงาม เฉกเช่นนิยายหวานแหววโรแมนติกเสมอไป เพราะหากคู่รักไม่ทะนุถนอม เอาใจใส่ ดูแลซึ่งกันและกัน ความหวานอาจแปรเปลี่ยนเป็นความขมระทมใจก็ได้ เพราะฉะนั้น ลองมาดูวิธีการดูแลรักษาความรักของคุณ ให้สวยสดงดงามเสมอกันดีกว่า...

 ไม่ควรคาดหวังกับความรัก 

         เพราะความรักเป็นเรื่องของความรู้สึก จึงเอาแน่เอานอนไม่ได้ อย่าคาดหวังว่าจะต้องเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ เพราะหากผิดหวังจะเสียใจเปล่า ๆ ทางที่ดีควรปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติดีกว่า และอย่าเขินที่จะบอกรัก เพราะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรถ้าคุณจะบอกคำว่า "รัก" ให้กับคนที่คุณรู้สึกดีด้วย รวมถึงอย่าอายที่จะขอโทษ เพราะการขอโทษไม่ใช่เรื่องที่น่าอายอะไร 

 รู้จักที่จะใช้ภาษากาย 

         เพราะการสัมผัสร่างกาย เช่น จับมือ กอด รูปหลัง สามารถสื่อความในใจของเราได้ดีกว่าคำพูดหลายเท่าเชียว หรือจดจำรายละเอียด เช่น ชอบทำกิจกรรมอะไร ชอบรับประทานอะไร  หรือชอบฟังเพลงแนวไหน แล้วหยิบยื่นสิ่งเหล่านี้ให้เสมอ

 ซื่อสัตย์และไว้ใจกันซึ่งกันและกัน 
         อีกทั้งให้เกียรติกันและกันเสมอ ไม่ก้าวก่ายในเรื่องส่วนตัวของกันและกันมากเกินจำเป็น อย่าทำให้เขารู้สึกว่าไม่สิทธิ์ที่จะทำอะไร การนึกถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายเสมอ จะช่วยทำความคุณแคร์กันและกันมากขึ้น  

 ห้ามโกหก 

         เพราะจะไม่สามารถเชื่อใจกันได้อีก พูดกันตรง ๆ แต่ก็ต้องเลือกใช้คำที่ไม่ทำร้ายจิตใจ ที่สำคัญเมื่อมีปัญหาควรใช้เหตุผลในการพูดคุย อย่าปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือความรัก นึกถึงเรื่องดี ๆ ที่เขาเคยทำให้เรา ความโกรธหรืออารมณ์ชั่ววูบจะค่อย ๆ เบาบางลง

 อย่าคาดคั้นหาคำตอบ
          เพราะบางครั้งการที่เราดึงดันหาเหตุผล หาคำตอบ มันเป็นการกดดันอีกฝ่ายอย่างไม่มีประโยชน์ หากเราและเขาอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียด ลองถอยออกมา 1 ก้าว ทำใจให้สงบ รอจนกว่าทั้งคุณทั้งคู่จะพร้อม แล้วค่อยกลับมาคุยอีกครั้ง 
 
 ให้โอกาสและให้อภัย 
         ถ้าอีกฝ่ายทำอะไรผิดควรให้โอกาสในการแก้ไขข้อผิดพลาดนั้น แต่ถ้าผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าในเรื่องเดิม ๆ ก็ไม่ควรให้โอกาสเขาจนทำให้เราเจ็บปวดซะเอง เพราะความรักจะงดงาม หากคุณรักตัวเองก่อนที่จะไปรักคนอื่น 
 
         ง่าย ๆ เพียงเท่านี้ ความรักของคุณยั้งยืนยาวนานแล้วล่ะค่ะ...

สานรักวัยเรียน อย่างสร้างสรรค์

สานรักวัยเรียน อย่างสร้างสรรค์
รักล้อมรั้ว (centerpoint)


เรื่องของความรัก เป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผล หรือหาเหตุจับต้นชนปลายไม่ถูก อยู่ ๆ จะมานึกอยากให้รัก นึกอยากให้เลิกเหมือนถือรีโมททีวี ที่อยากจะเปลี่ยนช่องตอนไหนก็เปลี่ยนได้ซะเมื่อไหร่ล่ะ คนนะไม่ใช่ทีวี และถ้าหากเจ้าความรักมันมาในช่วงเรียนล่ะ จะทำยังไงกันดี วันนี้ลองมาดูวิธีรับมือกับความรักวัยเรียนกันดีกว่า

สานรักอย่าสร้างสรรค์

รักในวัยเรียนน่ะมีได้ แต่เรื่องเรียนต้องมาก่อน ใครจะมีรักในวัยเรียนก็ต้องไม่ทิ้งเรียน เป็นติวเตอร์ให้กัน ช่วยกันทำการบ้านหรือทำกิจกรรมสร้างสรรค์ เดี๋ยวนี้มีเวทีประกวดและแข่งขันมากมายให้คนวัยเรียนได้ประลองความคิดความสามารถหันมาทำกิจกรรมดีๆไปด้วยเรียนไปด้วยดีกว่า มีเวลาอยู่ใกล้ชิดกันและไม่ทิ้งเรื่องเรียน ได้ทั้งคะแนนรักและคะแนนเรียน ส่วนเรื่องฮอร์โมนที่มันพลุ่งพล่านอยู่ข้างใน ท่องเอาไว้ “อย่าใจอ่อน”

ใช้เหตุผลเหนืออารมณ์

ตอนรักกันก็โปรโมชั่นเลิศซะสุดฤทธิ์ แต่ช่วงหมดโปรฯนี่แหละที่มักจะเดือดร้อนคนรอบข้างอยู่เสมอ อย่างนี้มันต้องเจอการตัดสัญญาณด้วยการใช้ ‘เหตุผลเหนืออารมณ์’ มีตัวอย่างคู่รักที่ทะเลาะกันปางตายให้เห็นตามสื่ออยู่มากมาย ถึงขั้นลงไม้ลงมือเพราะขาดวัยวุฒิด้วยกันทั้งคู่ คุณคงไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาของคนรอบข้างที่มองคู่ของคุณอย่างระอาใจ ส่ายหน้าหรือเบือนหน้าหนีแทบไม่ทัน ตัดไฟซะตั้งแต่ต้นลมด้วยเหตุผลกันดีกว่า

ล้อมรั้วความรักของคุณให้อยู่ถูกที่ถูกทาง สร้างสรรค์อย่างมีสติ ไม่เกินขอบเขตจนเกินงาม เรียนเป็นเรียน เล่นเป็นเล่น มีเวลาสังสรรค์กับเพื่อนพ้องและให้เวลากับคนในครอบครัว มีความสุขในวัยเรียน เป็นวัยรุ่นตัวอย่างให้ครอบครัวได้ชื่นใจ เต็มที่กับชีวิตในเดือนแห่งความรักนะคะ

ตั้งกฎเหล็ก

วัยเรียนที่มีรัก ต้องใจแข็ง อย่าจอ่อนหรือปล่อยให้ความรักมาบังตาจนตาบอด ควรตั้งกฎเหล็กไว้เลยว่า ห้ามใกล้ชิดจนเกินงามทั้งในที่ลับและที่แจ้ง คนในครอบครัวต้องรับรู้เสมอว่าจะไปทำอะไร ที่ไหน เมือ่ไหร่ กับใคร เพราะถ้าใจอ่อนหรือยอมรับซะตั้งแต่แรก เกิดอดใจไม่ไหวไม่มีใครคอยห้ามใคร คราวนี้ล่ะคุณคุณนักรักในวัยเรียนทั้งหลาย …เดือนร้อนกันถ้วนทั่วแน่ๆดังนั้นกฎเหล็กต้องเป็นกฎเหล็กที่ห้ามยืดหยุ่นให้ใครเป็นอันขาด

5 เคล็ดลับ รักษาความรักให้สดใส


ความสัมพันธ์ของคนเราก็คล้ายกับคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่งตลอดเวลา จนกระทั่งผืนแผ่นดินเปลี่ยนรูปร่างไปเนื่องจากแรงกัดกร่อนของน้ำทะเล ความสัมพันธ์ของคนคู่หนึ่งก็เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ตามกาลเวลา บ้างก็ดีขึ้น บ้างก็เลวลง วันนี้เราจึงมาแนะนำวิธีที่จะทำให้ความสัมพันธ์เต็มไปด้วยความสนุกสนานและสงบสุข
ให้อภัยและลืม มันไม่พอหรอกแค่พูดว่า โอเค ฉันลืมไปแล้วว่าคุณเคยดื่มจนเมาเละในงานแต่งงานของญาติ คุณต้องฝังเรื่องไม่น่าพูดถึงพวกนี้ซะ ฝังให้ลึกชนิดโบกปูนทับเลย มันไม่ฉลาดเลยที่จะหยิบยกเรื่องผิดพลาดเก่าๆ มาโยนใส่หน้ากันเมื่อเกิดการโต้เถียงหรือกระทบกระทั่ง แม้ว่าการให้อภัยและลืมจะไม่ใช่ยาเพิ่มพลังในการรักษาความสัมพันธ์ แต่ถ้าคุณพูดว่าคุณให้อภัยและลืมเรื่องที่เกิดขึ้นคุณก็ควรหมายความว่าอย่างนั้นจริงๆ ถ้าคุณไม่สามารถทำได้อย่างที่คุณพูดไว้ต่อให้คุณปิดปากเงียบไม่พูดถึงมัน แต่ความไม่เชื่อใจและเชื่อมั่นก็จะเริ่มเกิดขึ้นในชีวิตคู่ของคุณ
อย่าทึกทักเอาเอง ถ้าคุณได้รับมอบหมายให้เขียนเรียงความเกี่ยวกับคู่ของคุณ ซึ่งรวมถึงสิ่งที่เขาชอบและไม่ชอบ ปรัชญาในการดำรงชีวิต รวมถึงความฝันของเขา คุณว่าคุณจะสามารถเขียนรายงานนี้ได้มากน้อยเพียงไรโดยที่ไม่ต้องกลับไปถามคู่ของคุณ แม้ว่าคุณจะเชื่อว่าคุณสามารถเขียนมันออกมาได้ถึงสิบบทในรวดเดียว แต่คุณแน่ใจแล้วหรือ แค่เพราะว่าคุณเจอเขาทุกวันไม่ได้หมายความว่าคุณรู้ทุกสิ่งที่เขาคิดในใจนี่นา ถาม “ความเห็น” เหมือนกับคุณเป็นผู้สัมภาษณ์คนนึง และรอฟังคำตอบ อย่าตั้งสมมติฐานกับความสัมพันธ์ของคุณ
พูดคุยและใช้เวลาร่วมกัน รถยนต์คงไม่สามารถวิ่งได้ตลอดโดยไม่มีการเติมน้ำมัน ความสัมพันธ์ก็ต้องการการซ่อมบำรุงเช่นกัน ซึ่งหมายถึงช่วงเวลาแห่งการผ่อนคลาย การแบ่งปันปัญหาและช่วงเวลาสำหรับการวางแผนอนาคต หาเวลาสำหรับเติมความสดชื่นให้กับชีวิตเรื่องต่างๆ สามารถรอได้ในขณะที่คุณหัวเราะร่วมกันและแบ่งปันเรื่องราวดีๆ ในชีวิต
ทำตัวเป็นพีอาร์ ไม่มีอะไรจะเซ็กซี่เท่าการได้รู้ว่าเขาชมคุณลับหลัง พวกเราต่างก็มีชีวิตส่วนตัวและการงานอันสับสนวุ่นวายซึ่งบางครั้งทำให้เราลืมที่จะทำดีกับคนรอบข้าง อย่าเอาอารมณ์ไปใส่กับคนอื่น จงชื่นชมกับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่เขาทำ ลองนึกถึงรายการความดีต่างๆ ของเขาซึ่งบางอย่างคุณอาจลืมเลือนมันไป
การผจญภัยใหม่ๆ ส่งสิ่งใหม่ๆ เข้าไปในชีวิตคู่บ้าง เช่น ไปดูกีฬาถึงแม้คุณจะไม่ใช่แฟนตัวยง บอกเขาไปว่าคุณสนุกที่จะอยู่กับเขาแม้ในกิจกรรมที่คุณไม่ถนัดก็ตาม ช่วยเขาทำบางอย่างเกี่ยวกับงานที่สำนักงาน ชวนเพื่อนเขาที่คุณอาจไม่ชื่นชอบเป็นพิเศษ ดีกับเขาโดยไม่มีเหตุผล ชวนกันไปทำกิจกรรมใหม่ๆ เช่น เรียนภาษา ไปเที่ยวนอกบ้าน เพราะการเติมเต็มด้วยสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ก็สำคัญเช่นกัน บางครั้งคุณก็ต้องการกำลังใจ ดังนั้นการแสดงออกถึงความใส่ใจเป็นการผนึกรากฐานของชีวิตให้แนบแน่นยิ่งขึ้น